คงต้องยอมรับกันว่าการรักษาผู้ป่วยในสมัยนี้คงต่างกับสมัยก่อนมากซึ่งเดิมทีการรักษาทุกอย่างแพทย์เป็นตัวกำหนดวิธีการรักษา การให้ยาและกำหนดความเป็นความตายอยู่ในมือโดยทางญาติไม่อาจขัดขืนที่จะไม่รับการรักษาได้ หรือแม้แต่การรักษาผิดพลาดทางญาติหรือผู้ป่วยก็ไม่อาจจะรู้หรือแม้แต่การเข้าโรงพยาบาลทางญาติก็ไม่ทราบว่าค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากอะไร ต่างจากในสมัยปัจจุบันเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร การร่วมรับรู้ของบุคคลภายนอกในวิธีการรักษาหรือแม้กระทั่งการให้ศาลมาตัดสินวิธีการรักษาว่าถูกหรือผิด ดังนั้นการรักษาจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามการณ์เวลา โดยเรียบเรียงได้ดังนี้
1 แพทย์ต้องเรียนรู้ที่จะรักษาผู้ป่วยให้น้อยลง เพื่อลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น เข้าทำนองทำมากพลาดมาก
2 แพทย์ต้องเรียนรู้ที่จะเลือกผู้ป่วยที่จะทำการรักษา แต่ไม่ปฏิเสธการรักษา หรือเรียกว่าส่งต่อแบบเนียนๆ
โดยจะพบว่ารู้ทั้งรู้ว่ารักษาได้แต่บอกว่าตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
3 แพทย์ต้องเรียนรู้วิชาการพูด เช่น พูดน้อย เพื่อไม่ให้คำพูดมัดตัว หรือหลีกเลี่ยงการพูดผิด เพราะคนไข้มักจะจำคำพูดเราเสมอในขณะที่เราไม่เคยจำ พูดกลางๆ เพื่อที่จะให้เสมอตัว ไม่ตอบเยสหรือ โน คลุมเคลือญาติไม่เข้าใจ ไม่กล้าที่จะถามต่อเพราะแค่นี้ก็ไม่รู้เรื่องแล้ว พูดเอาไว้เผื่อวันหลังจะได้สานต่ออีกทีโดยอ้างว่าญาติหรือผู้ป่วยเข้าใจผิด กรณีสุดท้ายพูดมากอธิบายเยอะจนญาติเข้าใจแต่ถ้าพูดผิดหมอตายแน่ แต่จงรู้ไว้ว่าไม่ว่าวิธีไหนก็มีปัญหาหมด
4 แพทย์ต้องเรียนรู้การตลาด ว่าการรักษาและการให้ยาแบบไหนทางญาติและผู้ป่วยชอบ
5 แพทย์ต้องเรียนรู้วิธีการรักษาที่ไม่ขัดกับคำตัดสินของศาล
6 แพทย์ต้องเรียนรู้วิธีการรักษาหลากหลายรูปแบบ เพื่อเสนอให้ผู้ป่วยหรือญาติเลือกวิธีการรักษา
ในส่วนของตัวผู้ป่วยหรือญาติเองต้องปรับตัวดังนี้
1 เรียนรู้โรคภัยไข้เจ็บในชีวิตประจำวัน พอมีความรู้ที่จะพูดคุยกับแพทย์ได้
2 เสาะแสวงหาแพทย์ที่คิดว่าจะเป็นที่พึ่งพาของตนเองได้ในยามคับขัน
3 อย่าเชื่อในสิ่งที่แพทย์พูดหรือหยิบยื่นให้ ต้องหา second opinion ความเห็นที่ สองเสมอ
4 จงเลือกวิธีการรักษาที่ตนเองมั่นใจและหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจดีแล้ว
5 ถ้ารู้สึกว่าโรงพยาบาลกำลังกินหัวคุณเช่น ปรึกษาแพทย์หลายๆด้านโดยไม่จำเป็น ทั้งที่ไม่แย่ลง จงออกห่างเอาไว้
6 ขอเปลี่ยนแพทย์ถ้าไม่มั่นใจในการรักษา โดยไม่ต้องกลัวเพราะแพทย์สมัยนี้ไม่จำเป็นไม่อยากเอาตัวไปเสี่ยงอาจจะขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ทำให้เขาก้าวออกมา
7 ประมวลค่าใช้จ่ายหรือหัดทำประกันชีวิตในวงเงินที่จะครอบคลุมความเจ็บป่วยของคุณ อย่าคิดแต่รักษาฟรีและจงเข้าใจไว้ด้วยว่าของฟรีย่อมไม่ดีที่สุด
8 จงเลือกบริษัทประกันชีวิตที่คุณไว้ใจได้ เพราะบางบริษัทเมื่อคุณเคลมประกันอาจมีข้อหยุมหยิมกับคุณเข้าทำนองจะเบิกให้คุณก็ต่อเมื่อใกล้ตายจริงๆ